ปัจจุบันสมุนไพรเป็นที่นิยมมากในหมู่ผู้คนไม่ว่าจะในไทยหรือต่างประเทศ เพราะได้รับรู้ผลดีของสมุนไพรใกล้ตัว และข้อเสียของยาแผนปัจจุบันมากขึ้น เช่นผลไม้ต่างๆ ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ สมัยก่อนผู้คนนิยมนำมาปรุงเป็นยารักษาโรคต่างๆและเป็นที่ยอมรับในปัจจุบัน
วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2554
ผลไม้สมุนไพร
ปัจจุบันสมุนไพรเป็นที่นิยมมากในหมู่ผู้คนไม่ว่าจะในไทยหรือต่างประเทศ เพราะได้รับรู้ผลดีของสมุนไพรใกล้ตัว และข้อเสียของยาแผนปัจจุบันมากขึ้น เช่นผลไม้ต่างๆ ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ สมัยก่อนผู้คนนิยมนำมาปรุงเป็นยารักษาโรคต่างๆและเป็นที่ยอมรับในปัจจุบัน
น้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
| ส่วนผสม - กระเจี๊ยบแห้ง 1/2 ถ้วย - น้ำตาลทราย 2 ถ้วย - เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ - น้ำสะอาด 5 ถ้วย วิธีทำ 1.ล้างกระเจี๊ยบ 1 ครั้งให้สะอาดพักไว้ 2.ใส่น้ำลงในหม้อ ตั้งไฟพอเดือด ใส่ กระเจี๊ยบต้มจนออกสีแดง และเนื้อกระ เจี๊ยบนุ่ม กรองเอาแต่น้ำ ขึ้นตั้งไฟต่อ 3.ใส่น้ำตาล เกลือป่น เคี่ยวไฟอ่อน จนน้ำตาลละลายหมด ยกลง ทิ้งไว้ให้ เย็น เทใส่ขวดแช่เย็น หรือใส่น้ำแข็ง ดื่มก็ได้ |
| ส่วนผสม - ใบบัวบก 2 ถ้วย - น้ำสะอาด 2 ถ้วย - น้ำเชื่อม 1/2 ถ้วย - น้ำแข็ง วิธีทำ นำใบบัวบกที่สด ๆ ใหม่ ๆ ล้างน้ำให้ สะอาด แช่ด่างทับทิม 15-20 นาที ใส่ เครื่องปั่น เติมน้ำพอควร กรองด้วยผ้าขาว บาง เติมน้ำเชื่อม พอหวาน ชิมรสตามใจ ชอบ จะได้น้ำใบบัวบกสีเขียวใส น่ารับ ประทาน เมื่อจะดื่มใส่น้ำแข็งบดละเอียด รสหอมหวานชื่นใจ ดื่มแก้อาการกระหาย น้ำ | |||
| ส่วนผสม - กล้วยหอมหั่นท่อนสั้น 1 ถ้วย - นมสด 3 ช้อนโต๊ะ - น้ำเชื่อม 1/2 ถ้วย - เกลือป่น 1/4 ช้อนชา - น้ำต้มสุก 1 ถ้วย - น้ำแข็งบด 1 ถ้วย วิธีทำ 1.ใส่กล้วยหอม นมสด น้ำเชื่อม เกลือ ป่น น้ำแข็ง และน้ำต้มลงในโถปั่น ปั่น ให้เข้ากันดี 2.เทใส่แก้วทรงสูง เสริ์ฟพร้อมหลอด ดูดและไม้คน หรือแช่เย็นไม่ใส่น้ำแข็ง |
| ส่วนผสม - น้ำมะนาว 1 ถ้วย - น้ำตาลทราย 1 ถ้วย - เกลือป่น 1/2 ช้อนชา - น้ำสะอาด 1 ถ้วย วิธีทำ 1.ทำน้ำเชื่อม โดยผสมน้ำตาลและน้ำ ตั้งไฟให้ละลาย ทิ้งไว้ให้พออุ่น ๆ 2.ใส่น้ำมะนาว เกลือ ลงในน้ำเชื่อม คนให้ เกลือละลาย 3.ตักเสิร์ฟแบบอุ่นหรือเย็นก็ได้ โดยใส่น้ำแข็งลงในแก้ว เทน้ำมะนาวใส่ แต่งด้วยมะนาวฝาน และสะระแหน่ | |||
| ส่วนผสม - เมล็ดข้าวโพดสวีท 1 ถ้วย - น้ำต้มสุก - เกลือป่น - น้ำมะนาว - น้ำเชื่อม วิธีทำ เลือกข้าวโพดพันธุ์ซุปเปอร์สวีทแท้ ๆ ที่ยังอ่อนอยู่และเก็บมาสด ๆ นำฝักข้าว โพดลวกน้ำแกะเมล็ดข้าวโพดออก ใส่ เครื่องปั่น เติมน้ำต้มสุก ปั่นให้ละเอียด กรองด้วยผ้าขาวบาง เอากากออก เติม เกลือป่น เติมน้ำมะนาว ปรับพีเอชให้ได้ ประมาณ 6.5-6.8 เติมน้ำเชื่อม ชิมรส ดูตามใจชอบ กรองด้วยผ้าขาวบางอีก ครั้งหนึ่ง ใช้ดื่มได้ |
| ส่วนผสม - ใบว่านหางจระเข้ 2 ใบ - น้ำต้มสุก 1 ถ้วย - น้ำเชื่อม 1/3 ถ้วย วิธีทำ เลือกใบว่านหางจระเข้ ที่มีขนาดใหญ่ โต เต็มที่ ปอกเปลือกล้างน้ำให้หมดยางสีเหลือง ใส่เครื่องปั่น เติมน้ำต้มสุก ปั่นให้ละเอียด กรองด้วยผ้าขาวบาง เติมน้ำเชื่อมเล็กน้อย ใส่ขวดเก็บไว้ในตู้เย็น ควรเตรียมดื่มไม่เกิน 2 วัน | |||
| ส่วนผสม - ดอกคำฝอย 1 กรัม - น้ำต้มสุก 1 ถ้วย - น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ เลือกดอกคำฝอยใหม่ ๆ จะมีสีแดงสด มีกลิ่นหอม ถ้าเป็นดอกที่เก่าเก็บจะมีสี แดงอมน้ำตาล กลิ่นไม่หอม ชงด้วยน้ำ เดือด ปิดฝาทิ้งไว้ 3-5 นาที กรองด้วย ผ้าขาวบาง จะได้น้ำดอกคำฝอยสีเหลือง ส้ม เติมน้ำตาลทราย ดื่มเป็นครั้งคราว |
| ส่วนผสม - ส้มแขกตากแห้ง 1 ถ้วย - น้ำสะอาด 8 ถ้วย - น้ำตาลทราย 1-2 ถ้วย - เกลือป่น 2-3 ช้อนชา วิธีทำ เลือกส้มแขกที่ตากแห้งใหม่ๆ ต้มกับน้ำ ต้มเคี่ยว 10 นาที แล้วกรองเอากากออก เติมน้ำตาลทราย เกลือป่น ชิมรสตามต้อง การ จะได้น้ำส้มแขกสีน้ำตาลแดง รสเปรี้ยว อมหวานเค็มเล็กน้อย |
เก็บสมุนไพรใช้เป็นยา
วิธีการเก็บสมุนไพรส่วนที่ใช้เป็นยา |
"พืชสมุนไพร" มีมากมาย บางทีก็อาจจะเอาเปลือกของลำต้นมาใช้ประโยชน์ |
หลักการโดยทั่วไปในการเก็บส่วนของพืชสมุนไพร แบ่งออกได้ดังนี้ » |
1.เก็บรากหรือหัว |
สมควรเก็บในช่วงเวลาที่พืชหยุดการเจริญเติบโต ใบ ดอก ร่วงหมดแล้ว |
2.ประเภทใบหรือเก็บทั้งต้น |
ควรจะเก็บใบที่เจริญเติบโตมากที่สุด หรือพืชบางอย่างอาจระบุช่วง |
3.ประเภทเปลือกต้นหรือเปลือกราก |
เปลือกต้นโดยมากเก็บช่วงฤดูร้อนต่อกับช่วงฤดูฝน ประมาณยาใน |
4.ประเภทดอก |
โดยทั่วไปเก็บในช่วงดอกเริ่มบาน แต่บางชนิดเก็บในช่วงดอกตูม เช่น กานพลู เป็นต้น |
5.ประเภทผลและเมล็ด |
พืชสมุนไพรบางอย่างอาจจะเก็บในช่วงที่ผลยังไม่สมบูรณ์หรือยังไม่สุกก็มี |
คุณภาพและการรักษา » |
|
สมุนไพรเพื่อความงาม
สมุนไพรเพื่อความงาม
หากพูดถึง “ความงาม” แล้ว คุณผู้หญิงหรือท่านผู้ชายก็คงจะไม่ปฏิเสธว่าเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าปัจจัยอื่นในการดำรงชีวิต แต่ถ้าเราจะมองกันไปแล้ว “ความงาม” นั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อตัวของเรามีสุขภาพจิตและสุขภาพกายดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน โดยปกติสุขภาพจะดีมาก-น้อยเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อม การรับประทานอาหาร และการดำรงชีวิตอย่างปกติสุข เมื่อร่างกายกินได้ ถ่ายคล่อง ผิวพรรณดี และสุขภาพแจ่มใส ” ความงาม” ก็จะบังเกิดขึ้นได้อย่างไม่ต้องสงสัย
สมุนไพรเพื่อความงามสำหรับผิวหน้า
ใบหน้า คือ ด่านแรกที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดใจของผู้พบเห็น แต่หลายๆคนกำลังประสบปัญหาผิวหน้าไม่เรียบสวย เพราะเม็ดสิวและรอยแห้งกร้านด้วยจุดด่างดำของกระและฝ้า จนต้องเสียเงินทองมากมายเพื่อเข้าสถานเสริมความงาม หรือหาซื้อยามารักษา จึงอยากแนะนำให้ใช้สมุนไพรพืชผักและผลไม้ที่มีอยู่ทั่วไป แต่มีคุณประโยชน์มากมายทั้งวิตามิน แร่ธาตุ และสารบำรุงผิวธรรมชาติที่ช่วยดูแลผิวพรรณให้ชุ่มชื้นผ่องใสอ่อนไวอยู่เสมอ
1. ว่านหางจระเข้ (Aloe indica Royle)
คุณค่าของว่านหางจระเข้มีมากมาย นอกจากใช้รักษาโรคแล้ว ยังใช้บำรุงผิว บำรุงเส้นผมได้ด้วย ปัจจุบัน จะเห็นได้ว่า มีแชมพูสระผม และเครื่องสำอางหลายอย่าง ที่ใช้ว่านหางจระเข้เป็นส่วนประกอบ และกำลังเป็นที่นิยมของคนทั่วไป เนื่องจากว่านหางจระเข้ มีคุณสมบัติสามารถช่วยให้กระบวนการเมตะโบลิซึม ทำงานได้เป็นปกติ ลดการติดเชื้อ สลายพิษของเชื้อโรค กระตุ้นการเกิดใหม่ ของเนื้อเยื่อส่วนที่ชำรุด ฉะนั้น ว่านหางจระเข้จึงถูกนำมาใช้ เพื่อบำรุงผิวพรรณ ผู้ที่ใช้ว่านหางจระเข้บำรุงผิวพรรณอยู่เป็นประจำ จะรู้สึกได้ชัดว่า ว่านหางจระเข้มีส่วนช่วย ให้ผิวพรรณผุดผ่อง สดชื่น มีน้ำมีนวล และยังสามารถขจัดสิว และลบรอยจุดด่างดำได้ด้วย
การใช้ว่านหางจระเข้ เพื่อบำรุงผิว โดยปอกเปลือกออก ใช้แต่เมือกวุ้นสีขาวใส ที่อยู่ภายใน ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการแพ้ ก่อนใช้ควรตรวจสอบว่า ตนเองจะเกิดอาการแพ้หรือไม่ โดยใช้น้ำที่ได้จากวุ้นสีขาว ของว่านหางจระเข้ ทาตรงบริเวณโคนหู แล้วทิ้งไว้สักครู่ ถ้าเกิดการระคายเคืองเป็นผื่นแดง แสดงว่าแพ้ ไม่เหมาะที่จะใช้กับผิวหน้าอีกต่อไป ถ้าไม่มีอาการแพ้ ก็สามารถใช้ได้ตลอด แต่บางคนก็จะเห็นผลได้เหมือนกัน เมื่อใช้ว่านหางจระเข้ทาบริเวณหัวสิว จะทำให้หัวสิวแห้งเร็ว
นอกจากนี้ ว่านหางจระเข้ยังสามารถลดความแห้งกร้าน และลดความมันของผิวหน้าได้ โดยคนที่มีผิวมัน ก็จะช่วยให้ลดความมัน คนที่มีผิวหน้าแห้ง ก็ยังรักษาความชุ่มชื่นของผิวไว้ได้
2. งา (Sesamum indicum Linn. S. orientle. L)
เป็นพืชล้มลุก ให้เมล็ดเป็นจำนวนมาก เมล็ดงามีทั้งสีดำ และสีขาว ในเมล็ดงามีน้ำมันอยู่ ประมาณ 45-54% น้ำมันงามีกลิ่นหอมน่ารับประทาน วิธีใช้ โดยการนำเอาเมล็ดงาสด มาบีบน้ำมันงาออก โดยไม่ผ่านความร้อน ใช้ทาผิวหนัง เพื่อบำรุงผิวพรรณ ให้ผุดผ่อง ช่วนประทินผิวให้นุ่มนวล ไม่หยาบกร้าน
3. แตงกวา (Cucumis sativas Linn.)
จะมีวิตามินสูง ในผลแตงกวายังมีเอ็นไซม์ cryssin ซึ่งช่วยย่อยโปรตีนได้ เอ็นไซม์ชนิดนี้ จะช่วยย่อยผิวหนังที่หยาบกร้าน ให้หลุดออกไป เพื่อให้ผิวใหม่ที่อ่อนนุ่ม เกิดขึ้นมาแทนที่ บางคนใช้แตงกวาสด ผ่าเป็นชิ้นบางๆ วางบนใบหน้าที่ล้างสะอาด แทนน้ำแตงกวา ปัจจุบัน มีน้ำแตงกวาผสมในเครื่องสำอาง เช่น ครีมล้างหน้า ครีมทาตัว เพื่อช้วยให้ผิวไม่หยาบกร้าน และช่วยสมานผิว แตงกวาเป็นสมุนไพร ที่หาง่าย มีประโยชน์ ราคาถูก ใช้ติดต่อกับเป็นประจำ จะทำให้สวนสดชื่น มีน้ำมีนวล
สมุนไพรเพื่อความงามสำหรับผิวหน้า
ใบหน้า คือ ด่านแรกที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดใจของผู้พบเห็น แต่หลายๆคนกำลังประสบปัญหาผิวหน้าไม่เรียบสวย เพราะเม็ดสิวและรอยแห้งกร้านด้วยจุดด่างดำของกระและฝ้า จนต้องเสียเงินทองมากมายเพื่อเข้าสถานเสริมความงาม หรือหาซื้อยามารักษา จึงอยากแนะนำให้ใช้สมุนไพรพืชผักและผลไม้ที่มีอยู่ทั่วไป แต่มีคุณประโยชน์มากมายทั้งวิตามิน แร่ธาตุ และสารบำรุงผิวธรรมชาติที่ช่วยดูแลผิวพรรณให้ชุ่มชื้นผ่องใสอ่อนไวอยู่เสมอ
1. ว่านหางจระเข้ (Aloe indica Royle)
คุณค่าของว่านหางจระเข้มีมากมาย นอกจากใช้รักษาโรคแล้ว ยังใช้บำรุงผิว บำรุงเส้นผมได้ด้วย ปัจจุบัน จะเห็นได้ว่า มีแชมพูสระผม และเครื่องสำอางหลายอย่าง ที่ใช้ว่านหางจระเข้เป็นส่วนประกอบ และกำลังเป็นที่นิยมของคนทั่วไป เนื่องจากว่านหางจระเข้ มีคุณสมบัติสามารถช่วยให้กระบวนการเมตะโบลิซึม ทำงานได้เป็นปกติ ลดการติดเชื้อ สลายพิษของเชื้อโรค กระตุ้นการเกิดใหม่ ของเนื้อเยื่อส่วนที่ชำรุด ฉะนั้น ว่านหางจระเข้จึงถูกนำมาใช้ เพื่อบำรุงผิวพรรณ ผู้ที่ใช้ว่านหางจระเข้บำรุงผิวพรรณอยู่เป็นประจำ จะรู้สึกได้ชัดว่า ว่านหางจระเข้มีส่วนช่วย ให้ผิวพรรณผุดผ่อง สดชื่น มีน้ำมีนวล และยังสามารถขจัดสิว และลบรอยจุดด่างดำได้ด้วย
การใช้ว่านหางจระเข้ เพื่อบำรุงผิว โดยปอกเปลือกออก ใช้แต่เมือกวุ้นสีขาวใส ที่อยู่ภายใน ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการแพ้ ก่อนใช้ควรตรวจสอบว่า ตนเองจะเกิดอาการแพ้หรือไม่ โดยใช้น้ำที่ได้จากวุ้นสีขาว ของว่านหางจระเข้ ทาตรงบริเวณโคนหู แล้วทิ้งไว้สักครู่ ถ้าเกิดการระคายเคืองเป็นผื่นแดง แสดงว่าแพ้ ไม่เหมาะที่จะใช้กับผิวหน้าอีกต่อไป ถ้าไม่มีอาการแพ้ ก็สามารถใช้ได้ตลอด แต่บางคนก็จะเห็นผลได้เหมือนกัน เมื่อใช้ว่านหางจระเข้ทาบริเวณหัวสิว จะทำให้หัวสิวแห้งเร็ว
นอกจากนี้ ว่านหางจระเข้ยังสามารถลดความแห้งกร้าน และลดความมันของผิวหน้าได้ โดยคนที่มีผิวมัน ก็จะช่วยให้ลดความมัน คนที่มีผิวหน้าแห้ง ก็ยังรักษาความชุ่มชื่นของผิวไว้ได้
2. งา (Sesamum indicum Linn. S. orientle. L)
เป็นพืชล้มลุก ให้เมล็ดเป็นจำนวนมาก เมล็ดงามีทั้งสีดำ และสีขาว ในเมล็ดงามีน้ำมันอยู่ ประมาณ 45-54% น้ำมันงามีกลิ่นหอมน่ารับประทาน วิธีใช้ โดยการนำเอาเมล็ดงาสด มาบีบน้ำมันงาออก โดยไม่ผ่านความร้อน ใช้ทาผิวหนัง เพื่อบำรุงผิวพรรณ ให้ผุดผ่อง ช่วนประทินผิวให้นุ่มนวล ไม่หยาบกร้าน
3. แตงกวา (Cucumis sativas Linn.)
จะมีวิตามินสูง ในผลแตงกวายังมีเอ็นไซม์ cryssin ซึ่งช่วยย่อยโปรตีนได้ เอ็นไซม์ชนิดนี้ จะช่วยย่อยผิวหนังที่หยาบกร้าน ให้หลุดออกไป เพื่อให้ผิวใหม่ที่อ่อนนุ่ม เกิดขึ้นมาแทนที่ บางคนใช้แตงกวาสด ผ่าเป็นชิ้นบางๆ วางบนใบหน้าที่ล้างสะอาด แทนน้ำแตงกวา ปัจจุบัน มีน้ำแตงกวาผสมในเครื่องสำอาง เช่น ครีมล้างหน้า ครีมทาตัว เพื่อช้วยให้ผิวไม่หยาบกร้าน และช่วยสมานผิว แตงกวาเป็นสมุนไพร ที่หาง่าย มีประโยชน์ ราคาถูก ใช้ติดต่อกับเป็นประจำ จะทำให้สวนสดชื่น มีน้ำมีนวล
4. มะเขือเทศ (Lycopersicon esculentum Mill.)
ในมะเขือเทศ จะมีสาร Curotenoid และมีวิตามินหลายชนิด น้ำจากผลมะเขือเทศสุก จะมีสาร licopersioin ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อรา และแบคทีเรีย และน้ำมะเขือเทศสด นำมาพอกหน้า จะรักษาสิวสมานผิวหน้าให้เต่งตึงหรืออาจจะฝานบางๆ แปะลงบนผิวหน้าก็ได้
5. ขมิ้นชัน (Curcuma Longa Linn.)
ในขมิ้น จะมีสาร Curcumin และมีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งมีกลิ่นเฉพาะ ขมิ้นมีฤทธิ์ยับยั้ง การเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราหลายชนิด ใช้ทาผิวที่มีผดผื่นคัน ผงขมิ้นใช้ทาตัว เพื่อให้มีสีเหลืองทอง ใช้บำรุงผิว และช่วยฆ่าเชื้อ ที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังบางชนิด ได้อีกด้วย
6. น้ำผึ้ง (Apis dorsata)
ได้จากผึ้ง ประกอบด้วยน้ำตาลกลูโคส ฟรุคโตส ขี้ผึ้ง อัลบูมินอยด์ ละอองเกสรดอกไม้ และฮอร์โมนเอสโตรเจน จำนวนเล็กน้อย น้ำผึ้งใช้เป็นส่วนประกอบ ของเครื่องสำอาง ใช้พอกหน้า ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื่น เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลขึ้น น้ำผึ้งยังมีคุณสมบัติช่วยสมานผิว น้ำผึ้ง เป็นเครื่องสำอางจากธรรมชาติ ที่ให้ประโยชน์สูง และหาง่าย นอกจากนี้ ยังใช้น้ำผึ้งบำรุงผม ฮอร์โมนเอสโตรเจน จะช่วยบำรุงหนังศีรษะ และกระตุ้นการงอกของเส้นผม
7. มะขามเปียก (Tamarindus indica Linn)
มะขามเปียกมีประวัติการใช้มายาวนาน ช่วยชำระสิ่งสกปรกจากผิวหนัง เพราะฤทธิ์ที่เป็นกรดอ่อนๆ ในมะขาม จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกจากผิวหนังได้ดี ปัจจุบัน ได้มีหญิงไทยจำนวนมาก ใช้มะขามเปียกผสมน้ำอุ่น และนมสดให้เข้ากันดี พอกบริเวณผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นรอยด้าน เช่น ตาตุ่ม ข้อศอก ฝ่ามือ ที่มีรอยกร้านดำ และบริเวณรักแร้ ขาหนีบ เพื่อให้ผิวหนังที่เป็นรอยดำจางลง ทำให้ผิวขาวนุ่มนวลขึ้น และนมสดจะช่วยบำรุงผิว ให้นุ่มได้
สมุนไพรเพื่อความงามสำหรับผิวกาย
ผิวกาย จะเปล่งปลั่งนุ่มนวลไร้รอยกร้าน และรอยหมองคล้ำ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อาหารการกิน การออกกำลังกาย และยังมีการถนอมผิว บำรุงผิวอีกหลายๆรูปแบบ สมุนไพรพื้นๆ ที่มีอยู่ทั่วๆไปเอามาใช้บำรุงผิว ซึ่งได้ผลเป็นอย่างดีจึงอยากบอกต่อ รับรองว่าผิวคุณจะสวยขึ้นแน่นอน
สมุนไพรเพื่อความงามสำหรับเส้นผมทรงผม หรือเส้นผม เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพให้ดูดีขึ้นได้ สิ่งที่ควรคำนึงในหารดูแลเส้นผม ได้แก่ อาหารจำพวกโปรตีนที่ได้จากเนื้อ นม ไข่ ฯลฯ และวิตามิน A,C,E,B5 ที่ได้จากผลไม้ต่างๆและธัญพืช จำพวกถั่ว งา ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ ฯลฯ
การเก็บรักษาพืชสมุนไพร
การเก็บรักษาพืชสมุนไพรและการแปรสภาพ |
ในการใช้"พืชสมุนไพร" มาทำเป็นยารักษาโรคต่างๆนั้น แพทย์แผน |
รากและส่วนที่อยู่ในใต้ดิน |
ก่อนอื่นจะต้องคัดเอาขนาดที่พอๆกันเอาไว้ด้วยกันเพื่อจะได้สะดวก |
การเก็บรักษาพืชสมุนไพร |
การเก็บรักษาพืชสมุนไพรเอาไว้เป็นระยะเวลานาน มักจะเกิดการขึ้นรา |
ในการเก็บรักษานั้นควรปฏิบัติดังนี้ » |
|
ประโยชน์ของสมุนไพรพื้นบ้านไทย
ประโยชน์ของสมุนไพรไทย
จะว่าไปคนไทยเราก็โชคดีหนักหนาที่ได้เกิดมาในประเทศไทยซึ่งอุดมไปด้วยสมุนไพร ที่มีประโยชน์กับร่างกาย สามารถนำมารักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราลองไปดูกันเลยครับ
ใบโหระพา ช่วยให้ลำไส้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยรักษาสมดุลของฮอร์โมน
ใบกระเจี๊ยบ ทำให้เลือดสะอาดและไหลเวียนดีขึ้น
ใบกระเพรา ช่วยจัดระเบียบการทำงานของอวัยวะภายใน และปรับสมดุลของร่างกาย
มะกรูด ช่วยจัดการสารที่หลั่งออกมาจากต่อมไขมันใต้ผิวหนังให้สมดุล และมีส่วนช่วยทำให้ผิวหนังเต่งตึง
ขิงสด ช่วยทำให้ร่างกายเย็นลง และทำให้น้ำเหลืองหมุนเวียนดีขึ้น
เปปเปอร์ มินต์ ช่วยในการย่อยอาหาร และรักษาการทำงานของกระเพาะและลำไส้ให้เป็นปกติ
ตะไคร้หอม ทำให้ร่างกายและจิตใจได้ผ่อนคลาย แก้อาการนอนไม่หลับ
ข่า มีสาร anti-oxidation ที่ช่วยทำให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น
ใบแครอท อุดมไปด้วยวิตามินเอ ช่วยป้องกันความแก่ได้
ดอกดาวเรือง ช่วยขับเหงื่อ และทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า
ตะไคร้ ลดความเครียดและทำให้ระบบหมุนเวียนเลือดดีขึ้น
ขมิ้นอ้อย ช่วยเพิ่มพละกำลังให้กับร่างกาย
ใบมะขาม ช่วยในการทำงานของถุงน้ำดี กระตุ้นในการขจัดสารพิษ
ใบเตย ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันต้านไวรัส
ขมิ้น ช่วยในเรื่องระบบประสาท และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตับ
ใบมะกรูด ช่วยลดความร้อนในร่างกาย และ รักษาความดันเลือดให้เป็นปกติ
ไพล ช่วยคลายความเครียด ลดความตึงของกล้ามเนื้อ และลดปวดตามข้อต่างๆ
กระชาย ช่วยในเรื่องการทำงานของตับ และลดอาการบวมตามร่างกาย
สมุนไพรไทยอาทิ
สมุนไพรไทย
ขมิ้นต้น | พิมเสนต้น | สีเสียด |
ขี้เหล็ก | พิกุล | หญ้าหนวดแมว |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)